ยิ่งแก่ยิ่งปวดหลัง และยิ่งปวดบ่อยมากขึ้น จะสังเกตได้ว่ารุ่นพ่อแม่ หรือ ปู่ย่าตายายของเรา มักจะใช้หลานนวดทุกวัน หรือรุ่นพ่อแม่ก็มักจะไปนวดทุกอาทิตย์ครับ
แต่ในวัย 20-40 แทบจะไม่ต้องไปนวดเลย ขอแค่ได้พักผ่อนก็ดีขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นใครมีอาการปวดหลังขอให้เข้าใจใน 4 ข้อด้านล่างครับ
ทำไมยิ่งแก่ยิ่งปวดหลัง
1.ความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง
หมอนรองกระดูกทำหน้าที่เป็นเหมือนโช้คอัพคอยดูดซับแรงกระแทกระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ เมื่ออายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกจะเริ่มเสื่อมสภาพ สูญเสียความยืดหยุ่น และมีปริมาณน้ำลดลง ทำให้ไม่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีเท่าเดิม ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะ หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือ กระดูกสันหลังเสื่อม ได้
2.มวลกล้ามเนื้อและกระดูกลดลง
เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ มวลกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core muscles) ที่ทำหน้าที่พยุงกระดูกสันหลังจะอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายต้องรับภาระมากขึ้น นอกจากนี้ ความหนาแน่นของกระดูกยังลดลง (ภาวะ กระดูกพรุน) ทำให้กระดูกสันหลังเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหักหรือยุบตัวได้ง่ายขึ้น
3.ข้อต่อและเส้นเอ็นเสื่อมสภาพ
ข้อต่อที่เชื่อมต่อระหว่างกระดูกสันหลังจะเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดการเสียดสี และอาจมีหินปูนเกาะได้ (ภาวะ ข้ออักเสบ) เส้นเอ็นและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ รอบกระดูกสันหลังก็มีความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้เคลื่อนไหวลำบากและเกิดอาการปวดได้
4.การสะสมของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
พฤติกรรมในวัยหนุ่มสาว เช่น การยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้อง การนั่งทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน หรือการออกกำลังกายที่หนักเกินไปโดยไม่มีการพักผ่อนที่เพียงพอ พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลสะสมไปเรื่อย ๆ และเริ่มแสดงอาการเมื่อร่างกายเข้าสู่วัยชราและมีความสามารถในการฟื้นตัวลดลง
วิธีแก้ปวดหลังระยะยาว
1.การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles) ซึ่งเป็นเหมือนเกราะป้องกันกระดูกสันหลัง ช่วยให้หลังแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น
ใครที่อายุน้อยอยู่การออกกำลังกายนี่แหละครับจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการแก้ปวดหลังในระยะยาวแบบเห็นผล ยิ่งออกเป็นประจำต่อเนื่อง หวยน่าจะออกนู้นครับ อายุ 70 ถึงจะเริ่มปวดแบบคนแก่
- โยคะและพิลาทิส (Pilates): การออกกำลังกายสองประเภทนี้เน้นการยืดเหยียดและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางโดยเฉพาะ
- เดิน: การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและดีต่อสุขภาพหลัง
- ว่ายน้ำ: ช่วยลดแรงกระแทกต่อข้อต่อและกระดูกสันหลังได้ดีเยี่ยม
2.การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
- ท่านั่ง: ควรนั่งหลังตรงโดยให้แผ่นหลังชิดพนักพิง และควรลุกขึ้นยืนหรือเดินบ้างทุก 30-60 นาที
- ท่านอน: นอนหงายโดยมีหมอนรองใต้เข่า หรือนอนตะแคงโดยมีหมอนข้างคั่นระหว่างขา
- การยกของ: ควรย่อเข่าลงแทนการก้มหลัง แล้วใช้กำลังจากขาในการยกของ
3.การรักษาทางการแพทย์
หากอาการปวดไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสม
- กายภาพบำบัด: นักกายภาพบำบัดจะแนะนำการออกกำลังกายและเทคนิคที่เหมาะกับอาการของคุณโดยเฉพาะ
- การใช้ยา: แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการในระยะสั้น
- การฉีดยา: ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำการฉีดยาชาหรือสเตียรอยด์เข้าที่บริเวณกระดูกสันหลัง เพื่อลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการปวด